16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino
nextbackseo@gmail.com | Posted on |

16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino
เชื่อว่าหลายๆท่านรู้จักและเคยใช้งานรีเลย์ (Relay) กันมาก่อน Arduino Thailand แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า หลักการทำงานและอุปกรณ์ภายในนั้นมีหน้าตาอย่างไร จะพาท่านมาทำความรู้จักกับข้อมูลและหลักการทำงานเบื้องต้นของรีเลย์ (relay) ซึ่งเราคาดหวังว่าจะช่วยทำให้ท่านมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino รีเลย์ (Relay) คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงจรควบคุมอัตโนมัติ ทำหน้าที่เปรียบเสมือนสวิตช์ไฟ ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าในการเปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อควบคุมวงจรต่างๆ หลักการทำงานของรีเลย์ รีเลย์จะทำงานโดยการป้อนกระแสไฟฟ้าให้กับขดลวด เพื่อเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าให้เป็นพลังงานแม่เหล็ก สำหรับใช้ดึงดูดหน้าสัมผัส (contact)ให้เปลี่ยนทิศทางการไหลของไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆคล้ายกับสวิตซ์ ส่วนประกอบสำคัญของรีเลย์มีดังนี้
- ขดลวด (Coil)
ทำหน้าที่รับแรงดันไฟฟ้าจากวงจรตัวควบคุมหรือ controller เพื่อเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าให้เปลี่ยนเป็นพลังงานแม่เหล็กในการทำให้ดึงดูดหน้าสัมผัส (contact) ให้เปลี่ยนตำแหน่ง
- หน้าสัมผัส (Contact)
ทำหน้าที่เหมือนสวิตช์ ที่กำหนด ทิศทางการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ที่เราต้องการ
จุดต่อใช้งานมาตรฐานในวงจร
16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino ตัวอย่างหน้าสัมผัสแบบ Normal Close (NC)
- จุดต่อ NC
ย่อมาจาก normal close หมายความว่า ปกติปิด คือ หากยังไม่มีการจ่ายไฟให้ขดลวด (Coil) หน้าสัมผัสนี้จะเชื่อมต่อกับจุดต่อ C โดยทั่วไปแล้วเรามักต่อจุดนี้เข้ากับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการให้ทำงานตลอดเวลา
- จุดต่อ NO
ย่อมาจาก normal open หมายความว่า ปกติเปิด คือ หากยังไม่มีการจ่ายไฟให้ขดลวด (coil) หน้าสัมผัสจะยังไม่เชื่อมต่อกับจุดต่อ C โดยทั่วไปแล้วเรามักต่อจุดนี้เข้ากับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการให้ทำงานในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น
- จุดต่อ C
ย่อมาจาก common หมายถึง จุดร่วมที่ต่อมาจากแหล่งจ่ายไฟ ในสภาวะปกติที่ไม่มีการกดสวิตช์ แบตเตอรี่ไม่จ่ายไฟให้ขดลวด (coil) ทำให้ไม่เกิดการเหนี่ยวนำหน้าสัมผัส (contact) จึงอยู่ในสภาวะปกติปิด (NC) ไฟติด เมื่อกดสวิตช์ แบตเตอรี่จ่ายไฟให้ขดลวด (Coil) ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำส่งผลให้หน้าสัมผัส (contact) เปลี่ยนสถานะเป็นสภาวะปกติเปิด (NO) ทำให้ไฟดับ Image Processing Python คือ
ประเภทของรีเลย์ 16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino
เคยสังเกตไหมครับว่า ทำไมรีเลย์ (relay) ถึงมีหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร โดยเราสามารถแบ่งประเภทของรีเลย์ (relay) ตามลักษณะหรือวัตถุประสงค์การใช้งานได้ดังนี้
- เพาเวอร์รีเลย์ (Power Relay)
เพาเวอร์รีเลย์ (Power Relay) คือ รีเลย์ที่ช่วยตรวจสอบการทำงานของวงจรไฟฟ้าที่มีความผิดปกติจากการเกิดกระแสไฟฟ้าขาด หรือกระแสไฟฟ้าเกิน และเกิดแรงดันต่ำ-แรงดันสูงได้เป็นอย่างดี โดยเพาเวอร์รีเลย์นั้นจะทำหน้าที่ตัดวงจรส่วนที่ผิดปกติออกทันที เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ของไฟฟ้าเกิดความเสียหายได้
- โซลิดสเตตรีเลย์ (SSR)
โซลิดสเตตรีเลย์ (SSR) เป็นรีเลย์ที่มีขนาดเล็ก โครงสร้างแตกต่างจากรีเลย์ทั่วไปคือ ไม่ใช้ส่วนของหน้าสัมผัส (Contact) ในการตัด-ต่อวงจรแต่จะใช้อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ทำให้ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนที่ ข้อดีคือ ลดเสียงรบกวน ตอบสนองการทำงานรวดเร็ว ป้องกันการสั่นสะเทือนและแรงกระแทก มีอายุการใช้งานนาน นิยมนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ เครื่องทำความร้อนไฟฟ้าและเครื่องจักรอุตสาหกรรม
- แลทชิ่งรีเลย์ (Latching Relay)
แลทชิ่งรีเลย์ (Latching Relay) คือ อุปกรณ์สลับหรือเปลี่ยนตำแหน่งการทำงานอัตโนมัติ โดยมีหลักการทำงาน คือ จ่ายกระแสไฟเข้าที่ ฝั่งขาเปิด และฝั่งขาปิดทุกครั้ง ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดหรือหน้าสัมผัสของรีเลย์ เพื่อเปิด-ปิดและสลับการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในระบบควบคุมเดียวกัน แลทชิ่งรีเลย์จะนิยมใช้ติดตั้งเข้ากับระบบควบคุมการทำงานของเครื่องมือเครื่องจักร เช่น แอร์ ปั๊มน้ำ มอเตอร์ เป็นต้น
- เซฟตี้รีเลย์ (Safety Relay)
เซฟตี้รีเลย์ (Safety Relay) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุม ตรวจสอบ และรักษาความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักการทำงานคือ จะตัดการทำงานของไฟฟ้าในระบบทันทีที่มีไฟเกิน ใช้งานง่ายโดยแค่นำไปติดตั้งหรือเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรในอุตสาหกรรม เช่น เซ็นเซอร์ม่านแสงนิรภัย (Safety Light Curtain) ปุ่มกดฉุกเฉิน (Emergency Stop Button)
- ไทม์เมอร์รีเลย์ (Timer Relay)
ไทม์เมอร์รีเลย์ (Timer Relay) มีลักษณะคล้ายนาฬิกามีทั้งแบบอนาล็อกและแบบดิจิตอล เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับกำหนดเวลาเปิด-ปิด ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อจ่ายหรือหยุดจ่ายกระแสไฟ รีเลย์จะเริ่มทำงานตามเวลาที่ผู้ใช้งานตั้งค่าไว้ โดยที่หน้าสัมผัสจะสามารถอยู่ในสถานะคงที่ หรือสลับตรงกันข้าม และทำให้เริ่มนับเวลาหรือหยุดเวลาจนครบกำหนดได้
- เทอร์มินอลรีเลย์ (Terminal Relay)
เทอร์มินอลรีเลย์ (Terminal Relay) เป็นรีเลย์ชนิดประหยัดพลังงาน (Work-saving relay) มีขนาดเล็ก ซึ่งจะติดตั้งอยู่ในหน่วยรีเลย์ (Relay Units) นำไปประยุกต์ใช้งานจากแบบอินพุต-เอาต์พุต (I/O) เป็นแบบคอนโทรลเลอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้เมื่อต้องการลดการใช้พลังงาน สามารถนำไปใช้เชื่อมต่อโซลินอยด์วาล์วหรืออุปกรณ์อื่นๆ เข้ากับคอนโทรลเลอร์ เช่น PLC ได้
- สเต็ปปิ้งรีเลย์ (Stepping Relay)
สเต็ปปิ้งรีเลย์ (Stepping Relay) เป็นอุปกรณ์ช่วยควบคุมและสลับตำแหน่งการทำงานอัตโนมัติของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในวงจร ควบคุมเดียวกัน โดยมีหน้าสัมผัสและจุดเชื่อมต่อใช้งานมากกว่ารีเลย์ชนิดอื่นๆ นิยมใช้ติดตั้งเข้ากับแผงควบคุมระบบการทำงานที่มีขนาดใหญ่ เช่น การควบคุมระบบเครื่องสูบน้ำ การควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น Image Processing Python OpenCV
เลือกซื้อรีเลย์อย่างไร
หลังจากที่ท่านได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นของรีเลย์ (relay) แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรรู้ คือ จะเลือกซื้อรีเลย์ (relay) อย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน 16-Channel 5V Relay Module for PIC ARM AVR DSP Arduino ซึ่งทางเราไม่ต้องการให้ท่านเกิดปัญหาหรือว่าเลือก spec สินค้าผิดไปแล้วใช้งานไม่ได้ เราจึงอยากจะแนะนำปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้งานดังนี้
- แรงดันของขดลวดไฟฟ้า (coil rated voltage)
คือแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่ขดลวด (coil) ให้เกิดการเหนี่ยวนำเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของหน้าสัมผัส (contact) ซึ่งต้องพิจารณาชนิดของแรงดันด้วยว่าเป็นแบบ AC หรือ DC เช่น 24VDC หมายความว่าต้องใช้แรงดันที่ 24VDC เท่านั้น หากมากกว่านั้นขนลวด (coil) อาจขาดได้ หรือหากต่ำกว่านั้นมาก รีเลย์ (relay) ก็จะไม่ทำงาน
- กระแสไฟ (contact rated voltage)
คือกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่หน้าสัมผัส (contact) สามารถทนได้ เช่น 10A 220VAC หมายถึง หน้าสัมผัส (contact) ของรีเลย์ (relay) สามารถทนกระแสได้สูงสุดที่ 10A ในขณะที่ใช้แรงดันไฟ 220VAC
- จำนวนและชนิดของหน้าสัมผัส (contact configuration)
ขึ้นกับจำนวนอุปกรณ์ที่นำไปต่อพ่วง เมื่อต้องการควบคุมอุปกรณ์หลายอย่าง แนะนำให้ใช้หน้าสัมผัส1ตำแหน่ง ต่ออุปกรณ์1ตัว เนื่องจากหากต่อพ่วงมากเกินไป อาจทำให้หน้าสัมผัสรับภาระมากเกินไป จนอาจทำให้รีเลย์ หรืออุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเสียหายได้ นอกจากนี้ยังต้องดูว่าระบบที่ท่านใช้งานต้องใช้หน้าสัมผัสแบบไหน โดยเพื่อนๆจะต้องระบุด้วย จำนวน ต่อด้วยชนิดของหน้าสัมผัส ตัวอย่างเช่น 1NO, 1NC, 1NO1NC, 2NO, 2NC หรือ 2NO2NC เป็นต้น
- ขั้วเทอร์มินอล (terminal shape)
คือรูปแบบของขั้วต่อที่จะนำไปติดตั้งใช้งาน มีหลายหลายแบบ Image Processing คอร์ส

ใส่ความเห็น